ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย เป็นตัวแทนอีกหนึ่งชาติจากทวีปเอเชีย ที่คว้าตั๋วไปลุยศึก ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง กาตาร์ ได้สำเร็จ ด้วยการโชว์ผลงานได้อย่างคงเส้นคงวา กวาดแต้มในรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย ในช่วงต้นได้ดีกว่าชาติตัวเต็งเสียอีก เรียกได้ว่ามีคะแนนทิ้งห่างแบบขาดลอย ช่วงหลังเลยปล่อยจอยบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม บี มีคะแนนเหนืออันดับที่สองอย่าง ญี่ปุ่น อยู่หนึ่งแต้ม แพ้ไปเพียงแค่เกมเดียว เสมอ 2 เกม ชนะไปถึง 7 เกม นับว่าเป็นชิ้นงานระดับมาสเตอร์พีซ ทั้งที่มีเพื่อนร่วมกลุ่มแข็งๆ คอยตัดแต้ม อาทิ ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับขุนพล เศรษฐีน้ำมัน ที่กำลังเล่นได้อย่างมั่นใจ
พวกเขากลับมาเล่นบนเวทีนี้อีกครั้ง หลังต้องอกหักไปในปี 2018 ที่จบในอันดับ 3 ของกลุ่ม เอ มีแต้มตามหลัง อุรุกวัย และ รัสเซีย ที่พวกเขาพลาดปราชัยให้ทั้งคู่ อย่างน้อยก็ไม่ได้กลับประเทศมาแบบขายหน้ามากนัก เพราะส่งท้ายด้วยการตบทีมดังจากทวีป แอฟริกา คว้าสามแต้มมาครองได้สำเร็จในเกมปิดท้าย
เชื่อเหลือเกินว่าความคาดหวังของ แฟนบอลชาวอาหรับในประเทศของพวกเขา ต้องมองผลงานเดิมเป็นเกณฑ์ แล้วอยากเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ผู้เล่นในทีม และ ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ต้องกระตือรือล้นเป็นพิเศษ เนื่องจากได้เปรียบเรื่องสภาพอากาศที่มาเเล่นกันที่เอเชีย
มาอัพเดตสถานการณ์การล่าสุด และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับทีมของพวกเขา ไปพร้อมๆ กันได้เลยว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง?
กุนซือ ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย
ทัวร์นาเมนต์นี้ ซาอุดิอาระเบีย ยังคงไว้วางใจให้ เอิร์ฟ เรนาร์ด โค้ชลูกครึ่งฝรั่งเศส-โปแลนด์ วัย 53 ปี นำทัพไปสู้ศึก หลังทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในรอบคัดเลือก รวมไปถึงเกมอุ่นเครื่องต่างๆ ที่ใช้ลองแทคติกส์ และ ตัวผู้เล่น
เรนาร์ด เริ่มต้นเส้นทางสายโค้ช ด้วยการรับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการและผู้จัดการทีมมาก่อนกับ เอสซี ดรากิย็อง, เคมบริดจ์, เชร์บวร์ก และ ทีมชาติกาน่า เก็บประสบการณ์มาตั้งแต่ปี 1999 แต่ถือว่าเป็นงานที่ยังไม่ยากเกินฝีมือ
พอเข้าสู่ช่วงปี 2008 ก็หันไปรับงานผู้จัดการทีมแบบเต็มตัว ไม่รับงานที่เป็นผู้ช่วยมือรองอีกแล้ว ซึ่งมีทีมชาติหลายชาติ เลือกจ้างงานเขาไปพัฒนาทีม ยกตัวอย่างเช่น แซมเบีย, แองโกล่า, ไอวอรี่ย์ โคสต์ และ โมร็อคโก เรียกว่าผ่านงานมาแล้วหลายทวีป สามารถปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์
ส่วนผลงานในการคุมทีมระดับสโมสร เริ่มต้นช่วงแรกกับ ยูเอสเอ็ม อัลเจอร์ ในประเทศแอลจีเรีย ในปี 2011 ต่อด้วยการกลับมารับงานในบ้านเกิดกับ โซโชซ์ ปี 2013 และปิดท้ายด้วย ลีลล์ ในปี 2015 แทบไม่ได้อยู่กับทีมไหนนานนัก ค่าเฉลี่ยการคุมทัพตกอยู่ที่ราวปีครึ่งเท่านั้น
จนมาถึงงานล่าสุดที่อยู่กับ ซาอุดิอาระเบีย ที่กินเวลามาตั้งแต่ปี 2019 ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้วงการฟุตบอลต้องหยุดชะงัก หลายทีมต้องลงเล่นในสภาวะไม่มีกองเชียร์ แต่ผลงานรวมๆ ถือว่าเอาตัวรอดไปได้แบบนิ่มๆ
ระบบการเล่นที่ทาง เรนาร์ด ชื่นชอบ คือ 4-2-3-1 เน้นไปที่แผงกองกลางที่เหนียวแน่น หวังชะลอเกมไม่ให้คู่แข่งเล่นง่าย แผงหลังปล่อยให้ฟูลแบ็คเติมเกมได้อิสระ แต่ไม่ถึงขนาดบ้าบิ่น ขึ้นพร้อมกันทางริมเส้นสองฝั่ง สไตล์ถนัดเป็นการยื้อเพื่อเอาผลการแข่งขันที่ต้องการ รอจังหวะฉาบฉวยในการทำสกอร์
นักเตะ ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย
อายุเฉลี่ยของขุนพล ซาอุดดิอาระเบีย ชุดดนี้อยู่ที่ราว 26.7 ปี เป็นการผสมผสานผู้เล่นตัวเก๋าบางราย เข้ากับดาวรุ่งที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ในอนาคต อันดับ ฟีฟ่า แร้งค์กิ้ง ล่าสุดของพวกเขาอยู่ที่ 53 ไม่มีผู้เล่นตัวโอนสัญชาติสักรายเดียว ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ใช้นักเตะจากประเทศตัวเองล้วนๆ ตัวหลักทั้งหมดล้วนค้าแข้งในลีกบ้านเกิดทั้งสิ้น
ตำแหน่งผู้รักษาประตู
มือหนึ่งของทีมชุดนี้ เรนาร์ด ยังคงไว้วางใจให้ โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส รับหน้าที่เฝ้าเสาต่อไป เพราะเรื่องของประสบการณ์ในการค้าแข้ง นายทวารรายนี้นั้นมีความนิ่งมากกว่าตัวเลือกรายอื่นๆ ปัจจุบันสังกัดสโมสร อัล-ฮิลาล ทีมหัวตารางในลีก ด้วยวัย 30 ปี ความเก๋าของเขาคงช่วยแนวรับได้มากทีเดียว
ตำแหน่งกองหลัง
ตำแหน่งกองหลังที่เด่นๆ ขอชี้เป้าไปที่ สุลต่าน อัล-กานนัม แบ็คขวาวัย 28 ปี จากทีม อัล-นาสเซอร์ แม้ว่ารูปร่างของเขาจะเล็กกะทัดรัด แต่มีทีเด็ดอยู่ที่การเติมเกมรุก สปีดอันจัดจ้านที่เอาไว้ไล่กวดตัวจี๊ดของคู่แข่ง ความแข็งแกร่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์น่พอใจ ต้องมาลุ้นกันว่าเกมรับของเขาที่ยังมีจังหวะรั่วให้เห็นกันอยู่บ้าง ถ้าไปเจอคู่แข่งนอกทวีปจะโดนเผากระจายหรือไม่?
ตำแหน่งกองกลาง
หัวใจในแดนกลางของพวกเขา คงไม่มีตัวเลือกอื่นที่เหมาะสมไปกว่า โมฮาเหม็ด กานโน่ มิดฟิลด์ก้านยาว ที่สูงถึง 192 เซนติเมตร เล่นในบทบาทตัวทำเกม แต่พอถึงจังหวะที่ทีมต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ ก็ไม่ทิ้งหน้าที่เกมป้องกันด้วยเช่นกัน การออกบอลที่แม่นยำทั้งสั้นยาวของเขา ช่วยให้ทีมมีการเข้าทำที่หลากหลาย แถมยังมีช็อตที่เติมไปเล่นลูกกลางอากาศ และการยิงไกลจากแถวสองเป็นอาวุธ ที่ไม่สามารถประมาทได้อีกด้วย
ตำแหน่งกองหน้า ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย
ความหวังสุงสุดในการล่าตาข่ายของทีมชุดนี้ ต้องมอบหน้าที่ให้กับ ฟิราส อัล-บูริคาน กองหน้าเลือดใหม่ วัยแค่ 22 ปีเท่านั้น ที่ได้รับเลือกให้สวมหมายเลข 9 ที่บ่งบอกว่า นักเตะคนนี้เป็นตัวจบสกอร์เบอร์หนึ่งของทีม รูปร่างของเขาอาจไม่สูงใหญ่ แต่มีจุดเด่นอยู่ที่ความเร็ว จังหวะโฉบเข้าหาบอล รวมไปถึงการหาพื้นที่ว่าง หากประมาทเพียงแค่ชั่วพริบตา อาจพลาดท่าเสียเชิงให้ดาวยิงรายนี้ได้แบบไม่รู้ตัว สถิติ 4 ประตู จากการลงเล่น 12 นัด เป็นค่าเฉลี่ยที่ไม่ธรรมดาเอาเลย
สตาร์ประจำทีม
ขอเลือกไปที่ ซาเลม อัล-ดาวาซารี่ ปีกตัวจี๊ดจากสโมสร อัล-ฮิลาล ที่แฟนๆ คงได้เห็นผลงานผ่านตากันไปบ้าง ในการชิงแชมป์สมสรในทวีปเอเชีย จุดขายของเขา คือ เรื่องของความคล่องตัว ทักษะฟุตบอลที่เหนือชั้น จังหวะการเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ เทคนิคการครองบอลที่เเหนียวแน่น ในวัย 30 ปี ดาวาซารี่ เก็บประสบการณ์มาแล้วเต็มเปี่ยม ฟุตบอลโลกหนนี้ คงเป็นสมัยที่เขาอยู่ในสภาพพร้อมที่สุดแล้ว
เป้าหมาย

ซาอุดิอาระเบีย ที่ต้องอยู่ร่วมกลุ่ม ซี พร้อมหน้ากับคู่แข่งอย่าง อาร์เจนติน่า, เม็กซิโก และ โปแลนด์ มองจากศักยภาพทีมแล้ว พวกเขาแทบจะจองบ๊วยล่วงหน้าได้เลย อาจหวังคะแนนได้ในแมตช์ที่เจอกับสองทีมยกเว้น ทัพฟ้าขาว
เป้าหมายแรกย่อมต้องเป็นการผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งต้องยอมรับว่ายากเย็นแสนเข็ญ แต่ถ้าเกิดมีการพลิกล็อคจริงๆ มีแต้มในเกมกับ อาร์เจนติน่า ขึ้นมาได้ กำลังใจในการลงเล่นเกมที่เหลือ รับรองได้ลุ้นรองแชมป์กลุ่มกันแบบยาวๆ
อย่างไรก็ตามหากให้ฟันธงผลงานล่วงหน้า คาดว่าคงจมบ๊วยตามอัตภาพ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีแต้มหรือไม่เท่านั้น
เว็บไซต์ worldcup2022qa จัดทำขึ้นมาเพื่อรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะจัดขึ้นช่วงปลายปีที่ประเทศกาตาร์ พร้อมเสิร์ฟข้อมูลที่สดใหม่ เกี่ยวกับชาติต่างๆ ทั้ง 32 ทีม ที่เข้าร่วมทำการแข่งขัน เป็นทางเลือกให้กับแฟนบอล ที่ชื่นชอบการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ที่ว่ากันว่าเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกฟุตบอล ต้อนรับกระแส เวิลด์ คัพ ฟีเวอร์ ซึ่งกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เตรียมใจลุ้นเตรียมใจเชียร์ชาติขวัญใจ ให้กำลังใจนักเตะที่คุณชื่นชอบไปพร้อมๆ กัน 4 ปีมีครั้ง ห้ามพลา้วยประการทั้งปวง