ทีมชาติเซอร์เบีย อีกหนึ่งทีมจอมเหนียวจากโซนยุโรป หลังจากที่พวกเขาต้องทนทุกข์ กับเรื่องของการเมือง แยกชาติ จนแตกกระสานซ่านเซ็น ไม่ได้รวมกันเป็น โซเวียต แบบเคยๆ แต่ละชาติที่แยกออกไป ก็มีผลงานที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามยุคตามสมัย จำเป็นต้องรอให้ถึง โกลเด้น เจเนอเรชั่น มีผู้เล่นครบมือ ถึงจะกลับมาผงาดบนเวทีใหญ่ๆ ได้อีกครั้ง
พวกเขาผ่านรอบคัดเลือกโซนยุโรปมาได้ ในฐานะอันดับหนึ่งของกลุ่ม เอ ทำแต้มเหนือทีมเต็งอย่าง โปรตุเกส ด้วยผลงานที่ไม่พ่ายให้กับทีมใดดเลย เก็บชัยไปทั้งหมด 6 เกม และเสมอ 2 เกม คว้าไปทั้งหมด 20 แต้ม นับว่าเป็นผลงานที่หักปากกาเซียนไม่น้อย
อย่างไรก็ตามการถูกจัดมาอยู่ในกลุ่ม จี ร่วมกับทีมอย่าง บราซิล, สวิตเซอร์แลนด์ และ แคเมอรูน การมองเป้าผ่านเข้ารอบต่อไปของพวกเขา ไม่ใช่งานที่ง่ายเลยจริงๆ เพราะเกรดนักเตะของพวกเขา แทบไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่ง อาจจะเป็นรองบางทีมเต็งด้วยซ้ำ
ย้อนกลับไปในศึก เวิลด์ คัพ ปี 2018 เซอร์เบีย ตกรอบแบ่งกลุ่มไปอย่างน่าเสียดาย คว้าชัยไปได้แค่เกมเดียว ประตูลูกได้เสียก็ติดลบ แทบไม่มีอะไรให้น่าจดจำมากนัก แน่นอนว่าการกลับมารอบนี้ พวกเขาต้องหวังแก้ตัวให้กับแฟนบอล ที่รู้สึกผิดหวังจากผลงานรอบก่อนแน่ๆ
การันตีเลยว่า สตาฟฟ์, นักเตะ และ สมาคมฟุตบอล ของพวกเขา ย่อมต้องพยายามเตรียมความพร้อมทุกด้านให้พร้อมที่สุด สำหรับการมาแข่งขันบนทัวร์นาเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดครั้งนี้ มาดูกันเลยว่า ข้อมูลสำคัญต่างๆ ในเรื่องของ กุนซือ, นักเตะ และ เป้าหมายของพวกเขา จะเป็นอย่างไรกันบ้าง?
กุนซือ ทีมชาติเซอร์เบีย
สมาคมฟุตบอลเซอร์เบีย เลือกที่จะมอบอนาคตของทีม ให้อยู้ภายใต้การดูแลของ ดราแกน สตอยโควิช อดีตนักฟุตบอลอาชีพชื่อดัง ที่เข้ามารับงานนี้ในเดือนมีนาคม ปี 2021 แล้วอยู่กับทีมมากกว่า 1 ปี เริ่มทำความคุ้นเคยกับนักเตะได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแกนหลักของทีมตอนนี้
สตอยโควิช เคยเป็นนักเตะอาชีพที่มีชื่อเสียงไม่น้อยในยุค 80 แจ้งเกิดกับ เร้ดสตาร์ เบลเกรด ก่อนจะย้ายออกไปล่าความสำเร็จกับ โอลิมปิก มาร์กเซย, เวโรน่า และ นาโกย่า แกรมปัส พอเลิกเล่นก็ยังไม่ได้หันมารับงานคุมทีมเเต็มตัว แต่ก้าวกระโดดไปเป็นประธานสมาคมฟุตบอลของยูโกสลาเวีย ในปี 2002
พอมีการแยกชาติอีกครั้ง สตอยโควิช ก็ย้ายมานั่งแท่นตำแหน่งเดิมให้กับ เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร จนถึงปี 2005 หลังจากนั้นก็ไปดำรงค์ตำแหน่งเดิมให้กับอดีตต้นสังกัดอย่าง เร้ดสตาร์ เบลเกรด เป็นเวลาราวสองปีด้วยกัน
ครั้งแรกที่ สตอยโควิช รับงานคุมทีมแบบเต็มตัว คือการถูกติดต่อจาก นาโกย่า แกรมปัส พัฒนาทีมจนก้าวขึ้นเป็นมาเป็นสโมสรชั้นนำของลีก ด้วยการใช้ระยะเวลาราว 6 ปี ก่อนจะถูกดึงตัวไปอยู่กับ กว่างโจว อาร์ แอนด์ เอฟ แล้วคุมทีมยาวนานประมาณ 5 ปี จนย่างเข้ายุค ไชนีส ซูเปอร์ลีก ฟองสบู่แตก แล้วย้ายวิกกลับมารับงานทีมชาติตามที่เห็นในปัจจุบัน
ระบบการเล่นที่ สตอยโควิช ชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ 3-4-1-2 ซึ่งเหมาะกับผู้เล่นที่มีอยู่ในมือ รวมไปถึงสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรับ หวังเก็บแต้มให้ได้ก่อน รอจังหวะอย่างอดทน เพื่อปล่อยหมัดน็อคทีเดียวจอด ที่เล่นงานทีมใหญ่ให้เห็นกันมานักต่อนัก
นักเตะ ทีมชาติเซอร์เบีย
อายุเฉลี่ยของนักเตะทีมชาติเซอร์เบียชุดนี้ อยู่ที่ราว 26.2 ปี มีการผสมผสานระหว่างตัวเก๋า ควบรวมเข้ากับจุมกำลังดาวรุ่ง ที่ฝีเท้ารอวันก้าวขึ้นเป็นนักเตะระดับโลกหลายราย นับว่าเป็นยุคทองที่โตขึ้นมาทันกันพอดิบพอดี แล้วน่าจะรับไม้ต่อยืนระยะได้แบบยาวๆ อันดับ ฟีฟ่า แร้งค์กิ้ง ของพวกเขา รั้งอยู่ที่ 25 ของโลก อันเป็นผลมาจากฟอร์มที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
ตำแหน่งผู้รักษาประตู
หากมองกันที่ชื่อชั้น มาร์โก ดมิโตรวิช มือสองจาก เซบีย่า ดูจะน่าเชื่อฝีไม้ฝีมือในการเซฟมากที่สุด แม้ว่าจะได้ลงสนามไม่บ่อยครั้งในการเป็นตัวจริง แต่ยังได้ลงดชว์ฝีมือบ้าง ในบอลถ้วยบางรายการ ที่ไม่ใช่เกมสำคัญมากนัก ประสบการณ์ในวัย 30 ปี ผ่านการเล่นบนเวทีระดับสูงมาอย่างโชกโชน น่าจะนำมาช่วยทีมได้มากเลยทีเดียว กับทัวร์นาเมนต์ที่มีความกดดันสูงเช่นนี้
ตำแหน่งกองหลัง
ผู้นำในแนวรับที่ดูเชื่อฝีเท้าไดด้มากที่สุด ย่อมหนีไม่พ้น นิโคล่า มิเลนโควิช เซนเตอร์แบ็คตัวแกร่งจากสโมสร ฟิออเรนติน่า ที่ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับทีมใหญ่มาทุกตลาด แต่ยังไม่ได้ขยับขึ้นไปเล่นกับทีมที่เหนือกว่าต้นสังกัดปัจจุบันสักที ไม่แน่ว่าผลงานในรายการนี้ อาจเป็นตัวตัดสินฝีเท้าของเขาว่า จะดีจริงสมคำร่ำลือหรือไม่? ยามต้องดวลกับแนวรุกระดับโลกของคู่แข่ง
ตำแหน่งกองกลาง – ทีมชาติเซอร์เบีย
เพลย์เมคเกอร์เบอร์หนึ่งของพวกเขา จะเป็นใครอื่นใดไปไม่ได้นอกจาก ดูซาน ทาดิช แนวรุกสาระพัดประโยชน์จากสโมสร อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่เป็นคีย์แมนในการขึ้นเกมแนวรุก คอยลำเลียงบอลด้วยความสามารถเฉพาะตัว ทั้งลากเลื้อย ทั้งจ่าย ทั้งยิง ที่ทำได้ด้วยตัวคนเดียว แต่อายุอานามที่เลยเลขสามไปแล้ว ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่า การยืนระยะในสนามของเขาจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ต่อหนึ่งเกม
ตำแหน่งกองหน้า
นาทีนี้คงไม่มีแฟนบอลคนไหน ไม่เคยได้ยินชื่อของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ดาวยิงฟอร์มร้อนจากสโมสร ฟูแล่ม ที่มีดีกรีระดับดาวซัลโว จากลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ปีก่อน ยิงกระจายจนแบก เจ้าสัวน้อย กลับขึ้นมาเล่นบนลกีสูงสุดแดนผู้ดีได้อีกครั้ง แถมยังต่อยอดฟอร์มอันร้อนแรง ป่วนกองหลังบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ทุกเกมที่ลงสนาม อายุที่กำลังเข้าวัยพีค 28 ปี ผลงานในรายการนี้ อาจเป็นบันไดสำคัญ ให้เขาได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรที่ใหญ่กว่าปัจจุบันก็เป็นได้
สตาร์ประจำทีม
เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก ดูซาน วลาโฮวิช ดาวยิงค่าตัวแพงที่ย้ายจาก ฟิออเรนติน่า มาอยู่กับ ยูเวนตุส ใช้เวลาเพียงไม่นาน ในการพิสูจน์ตัวเองว่าเขาเป็นของจริง จังหวะการจบสกอร์ ยังคงเฉียบคมไม่เปลี่ยน ทักษะการเก็บบอล ต่อบอล หาตำแหน่งที่ว่าง ล้วนมีครบทุกอย่างที่กองหน้าตัวเป้าควรมี หากเจอโค้ชที่นำทางเขาได้ดีกว่านี้ วลาโฮวิช คงจะระเบิดฟอร์มเทพ ออกมาเหมือนสมัยอยู่กับ ม่วงมหากาฬ ได้ไม่ยาก
เป้าหมาย

ความหวังสูงสุดของ เซอร์เบีย ชุดนี้ คงไม่ตั้งเป้าไปไกลมากนัก เพราะทุกฝ่ายรู้ศักยภาพทีมเป็นอย่างดี แล้วหวังแค่ทำผลงานให้ดีกว่าครั้งก่อนเท่านั้น ขอแค่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มไป พวกเขาก็คงถูกแฟนบอล ตัดเกรดให้ผ่านเกณฑ์ได้ไม่ยาก
แต่ใช่ว่าความฝันของ เซอเบียร์ จะเป็นไปได้ตามเป้าง่ายๆ เพราะการเจอก้างชิ้นใหญ่อย่าง บราซิล ทีมที่ดีพอๆ กันอย่าง สวิตเซอร์แลนด์ และม้ามืดอย่าง แคเมอรูน เต็มที่คงหวังแค่ลุ้นที่สองของกลุ่มเท่านั้น แล้วถ้าทำได้ดังคาด คงได้แต่ภาวนาให้จับไปเจอกับแชมป์กลุ่มอื่น ที่ไม่ได้แข็งมากจนสู้ไม่ไหว
เว็บไซต์ worldcup2022qa จัดทำขึ้นมาเพื่อรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะจัดขึ้นช่วงปลายปีที่ประเทศกาตาร์ พร้อมเสิร์ฟข้อมูลที่สดใหม่ เกี่ยวกับชาติต่างๆ ทั้ง 32 ทีม ที่เข้าร่วมทำการแข่งขัน เป็นทางเลือกให้กับแฟนบอล ที่ชื่นชอบการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ที่ว่ากันว่าเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกฟุตบอล ต้อนรับกระแส เวิลด์ คัพ ฟีเวอร์ ซึ่งกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เตรียมใจลุ้นเตรียมใจเชียร์ชาติขวัญใจ ให้กำลังใจนักเตะที่คุณชื่นชอบไปพร้อมๆ กัน 4 ปีมีครั้ง ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง