ทีมชาติออสเตรเลีย เป็นตัวแทนชาติสุดท้ายจากทวีปเอเชีย ที่กว่าจะฝ่าฝันหักด่านอรหันต์มาได้ แฟนบอลแดนจิงโจ้ ต้องลุ้นกันแบบเหนื่อยหัวใจ เพราะต้องวัดถึงรอบ เพลย์ ออฟ ที่นำเอาทีมจากทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าระดดับฝีเท้าไม่ธรรมดาแบบ เปรู มาดวลแข้งกัน ลากยาวกันไปถึงการตัดสินดวลลูกจุดโทษ แล้วจบลงด้วยชัยชนะของ ทัพซอคเกอร์รูส์ แบบหวุดหวิด 5-4
ก่อนหน้านี้ในช่วงรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย พวกเขาต้องเจอกับของแข็ง อาทิ ซาอุดิอาระเบีย, ญี่ปุ่น, จีน, โอมาน และ เวียดนาม เปิดตัวได้ค่อนข้างสวยงามช่วงแรก มีการขยับขึ้นไปถึงตำแหน่งจ่าฝูงแบบสั้นๆ แต่แล้วฟอร์มก็ช็อตเอาดื้อๆ ในไม่กี่เกมสุดท้าย จนทำให้พวกเขาต้องมาตกที่นั่งลำบาก จบแค่อันดับสามมีแต้มตามหลังสองทีมบนกว่า 7 คะแนน
ผลงานรายการนี้ในปี 2018 ออสเตรเลีย นั้นค่อนข้างทำให้แฟนบอลผิดหวังไม่น้อย ดันถูกจับไปร่วมกลุ่มกับ ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก และ เปรู โดยที่ศักยภาพของพวกเขาแทบจะเป็นรองทุกทีม แล้วกลายเป็นว่าตลอดสามนัด คว้าไปได้เพียงแค่แต้มเดดียว ตกรอบไปแบบไม่มีอะไรให้ลุ้น ประตูได้เสียติดลบ มีสิ่งที่น่าจดจำ คือ การยิงได้สองลูกเท่านั้น
การกลับมาแก้ตัวในปี 2022 เล่นกันที่ประเทศกาตาร์ ออสเตรเลีย แทบจะไม่มีความคุ้นเคยหรือได้เปรียบ เกี่ยวกับสภาพอากาศที่ร้อนแสนร้อนนี้เลย ต่างกับประเทศกลุ่มอาหรับ ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี สาเหตุเป็นเพราะว่า ซอคเกอร์รูส์ ส่งออกนักเตะตัวหลัก ออกไปค้าแข้งอยู่ในยุโรปเกือบหมด มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้น ที่เลือกจะเล่นอยู่ในบ้านเกิดของตัวเอง
จากความผิดพลาดในครั้งที่แล้ว ทีมงานสตาฟฟ์, นักเตะ และ ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ต่างได้รับบทเรียนชั้นนี้มาพัฒนาทีม แล้วหวังจะแก้ตัวให้ได้ในบอลโลกครั้งนี้ แต่ดวงเจ้ากรรมดันจับมาเจอของแข็งหน้าเดิม ถึงสองทีมด้วยกัน มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า สภาพความพร้อมของพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง? ในประเด็นของกุนซือ นักเตะ และ เป้าหมายที่วางไว้
กุนซือ ทีมชาติออสเตรเลีย
สมาคมฟุตบอลแดนจิงโจ้ ไว้วางใจให้ทาง เกรแฮม อาร์โนลด์ เทรนเนอร์มือเก๋าวัย 58 ปี เป็นผู้นำทัพไปผจญภัยบทใหม่ที่ประเทศกาตาร์ ช่วงปลายปีที่จะถึงนี้ หลังคลุกคลีอยู่กับทีมงานชุดนี้ มาตั้งแต่ปี 2018 ไต่เต้ามาตั้งแต่เป็นผู้จัดการทีมชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ก่อนจะถูกดันเข้ามารับตำแหน่งกับทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวต่อเนื่องกัน
อาร์โนลด์ เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน ค้าแข้งช่วงยุค 90 จนถึงปี 2002 มีประสบการณ์ในการลงเล่นต่างลีก สังกัดสโมสรที่แฟนบอลคุ้นชื่อมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ซิดนี่ย์ ยูไนเต็ด, โรดด้า เจซี และ ชาเลอร์รัว เป็นต้น แต่ชื่อเสียงของเขาไม่นับว่าโด่งดังจนเป็นที่รู้จักมากนัก
สายงานด้านโค้ชนั้น อาโนลด์ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2000 รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติ ในยุคของกุนซืออย่าง แฟร้งค์ ฟาริน่า และ กุส ฮิดดิ้งค์ รวมไปถึงมีช่วงที่รักษาการณ์ตำแหน่งกุนซือหลักชั่วคราว ก่อนจะหลีกทางให้กับคนที่เหมาะกว่าอย่าง พิม เวอร์บีค นับรวมช่วงแรกแล้ว เขาคลุกคลีกับงานนี้ยาวนานถึง 9 ปีเลยทีเดียว
ในปี 2010 เขารับงานการคุมสโมสรครั้งแรก ซึ่งทีมดังในบ้านเกิดอย่าง เซ็นทรัล โคสต์ เป็นสโมสรที่กล้าเสี่ยงดวง ผลงานของเขาถือว่าน่าพอใจ เลยอยู่กันแบบยาวๆ ถึงสามปี หลังจากแยกทางกันในปี 2013 อาโนลด์ ก็โยกไปรับงานคุมทีม เวกัลตะ เซ็นได ในศึก เจ ลีก ประเทศญี่ปุ่น แต่ผลงานย่ำแย่สุดๆ เลยถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพียงแค่ระยะเวลาสองเดือนเศษ
ในปี 2014 เดือนพฤษภาคม อาโนลด์ ได้โอกาสแก้ตัวในเส้นทางโค้ชอีกครั้ง กับการคุมทีม ซิดนี่ย์ เอฟซี แล้วผลงานของเขากับสโมสรนี้เอง ที่เป็นบันไดชินสำคัญปูทางไปสู่ตำแหน่งกุนซือทีมชาติ ที่กลายเป็นงานหลักของเขา นับมาจนถึงทุกวันนี้
แผนการเล่นที่เขาชอบใช้ คือ 4-2-3-1 เน้นความหนาแน่นของมิดฟิลด์กลางสนาม ไม่ผลีผลามบุกใส่คู่แข่งง่ายๆ ปล่อยไปตามจังหวะเกม ไม่เร่งจนร้อนรน ถ้าไม่ได้สามแต้ม ก็ขอเลือกเอาหนึ่งแต้มไว้ก่อนแบบเซฟๆ อาจทำให้แฟนบอลรู้สึกอึดอัดในการตามเชียร์ แต่ทางเลือกนี้เป็นหนทางที่เหมาะสมแล้วกับสภาพทีมตอนนี้
นักเตะ ทีมชาติออสเตรเลีย
อายุเฉลี่ยของผู้เล่นชุดนี้อยู่ที่ราว 27.6 ปี หากมองตามวัยแล้ว เป็นช่วงพีคของอาชีพนักฟุตบอลแบบพอดิบพอดี ขุนพลส่วนใหญ่กระจายค้าแข้ง อยู่กับทีมระดับกลางและล่างในยุโรป มีเพียงแค่บางรายเท่านั้น ที่ยังคงเลือกค้าแข้งอยู่ในประเทศบ้านเกิด อันดับ ฟีฟ่า แร้งค์กิ้ง ของพวกเขาอยู่ที่อันดับ 39 ขึ้นๆ ลงๆ ตามผลงาน
ตำแหน่งผู้รักษาประตู
คงไม่มีนายทวารคนไหน ที่เหมาะสมเป็นมือหนึ่งของทีมไปมากกว่า แม็ธทิว ไรอัน อีกแล้ว ฝีมือการเซฟของเขาได้รับการยอมรับจากแฟนบอลทั่วยุโรป ปัจจุบันในวัย 30 ปี ย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล โซเซียดาด ในศึก ลาลีก้า สเปน ประสบการค้าแข้งที่ผ่านมาของเขา คงสามารถช่วยกระตุ้นแนวรับได้มาก ยิ่งได้รับบทบาทเป็นกัปตันทีมพ่วงด้วย ยิ่งทำให้ออร่าของเขาน่าเกรงขามมากขึ้น
ตำแหน่งกองหลัง
ขอเลือกไปที่กองหลังดาวรุ่งอย่าง แฮร์รี่ ซูตตาร์ ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ สโต๊ค ซิตี้ สโมสรชื่อดังแห่งศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เพิ่งจะถูกปล่อยให้ ฟลีตวู้ด ทีมในลีกรองดึงตัวไปใช้งาน ความสูงถึง 2 เมตรกว่าของเขา ช่วยให้ไดด้เปรียบอย่างมาก ในการยืนตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค แถมยังมีทีเด็ดในจังหวะเติมไปเล่นลูก เซ็ต เพลย์ การันตีจากจำนวนประตูของเขา ที่ทำไปแล้ว 6 ลูก จากการลงสนาม 10 นัดให้กับทีมชุดใหญ่
ตำแหน่งกองกลาง
จอมทัพในทีมชุดนี้ ยังไงก็ต้องเลือกไปที่ อารอน มอย มิดฟิลด์เชิงสูงจาก เซลติก ในวัย 31 ปี เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่มีประสบการณ์ลงเล่น บนเวทีใหญ่ๆ ระดับชาติมากที่สุด จังหวะการออกบอล ชั้นเชิงการอ่านเกม กำหนดจังหวะช้า-เร็ว รวมไปถึงลูกยิงไกลอันหนักหน่วง ล้วนเป็นอาวุธเด็ดของเขา สิ่งเดียวที่น่าเป็นห่วง คือ ความเชื่องช้า หากวันไหนฟอร์มไม่มา พาทีมออกทะเลได้ง่ายๆ เลย
ตำแหน่งกองหน้า ทีมชาติออสเตรเลีย
ตัวจบสกอร์ที่มีจุดเด่นอยู่ทีสัญชาติญาณ การเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างที่รวดเร็ว รวมไปถึงความคมยามยิงประตู คงเหมาะสมแล้วสำหรับ เจมี่ แม็คคลาเรน ที่ได้รับมอบเสื้อหมายเลข 9 สถิติ 8 ประตู จากการลงเล่นทีมชาติ 24 นัด อาจดูไม่มากไม่มายอะไร แต่การมีเขาอยู่ในสนาม ช่วยเพิ่มมิติเกมรุกของทีมได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
สตาร์ประจำทีม
หากวัดกันที่ความสำเร็จแล้ว อัจดิน ฮรุสติค กองกลางสาระพัดประโยชน์จากสโมสร แฟร้งเฟิร์ต คงเป็นนักเตะที่เหมาะสมจะเป็นดดาวเด่นประจำทีมชุดนี้ เขาเพิ่งจะช่วยทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จเมื่อปีก่อน ฝีเท้าและความมั่นใจกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เวที เวิลด์ คัพ หนนี้ อาจกลายเป็นบันได ที่พาให้เขาได้ย้ายไปทีมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นก็เป็นได้
เป้าหมาย

เป้าหมายสูงสุดของ ออสเตรเลีย ที่อยู่ร่วมกลุ่ม ดี กับ ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก และ ตูนีเซีย คงไม่มีทางมองไกลไปกว่า ขอผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปให้ได้ เพราะพวกเขาเป็นรองคู่แข่งร่วมกลุ่มทั้งหมด ยังไม่สามารถมองเเห็นได้เลยว่า เกมไหนถึงจะมีแต้มติดไม้ติดมือ หากมีสักสามคะแนนตุนไว้ในกระเป๋า ถึงจะตกรอบแบ่งกลุ่ม แฟนๆ ที่ตามเชียร์ก็คงพร้อมให้อภัย เนื่องจากต้องยอมรับว่า คุณภาพนักเตะสู้กับใครไม่ไหวจริงๆ
เว็บไซต์ worldcup2022qa จัดทำขึ้นมาเพื่อรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะจัดขึ้นช่วงปลายปีที่ประเทศกาตาร์ พร้อมเสิร์ฟข้อมูลที่สดใหม่ เกี่ยวกับชาติต่างๆ ทั้ง 32 ทีม ที่เข้าร่วมทำการแข่งขัน เป็นทางเลือกให้กับแฟนบอล ที่ชื่นชอบการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ที่ว่ากันว่าเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกฟุตบอล ต้อนรับกระแส เวิลด์ คัพ ฟีเวอร์ ซึ่งกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เตรียมใจลุ้นเตรียมใจเชียร์ชาติขวัญใจ ให้กำลังใจนักเตะที่คุณชื่นชอบไปพร้อมๆ กัน 4 ปีมีครั้ง ห้ามพลา้วยประการทั้งปวง