ทีมชาติบราซิล เจ้าของตำแหน่งชาติที่ครองแชมป์โลกได้มากที่สุด จำนวนถึง 5 สมัยด้วยกัน พวกเขาผ่านรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ เข้ามาสู่รอบสุดท้ายได้สบายๆ ด้วยการเร่งเครื่องตั้งแต่ช่วงต้น ก่อนมาปล่อยจอยในช่วงหลัง ไม่ต้องไป เพลย์ ออฟ ลุ้นให้เหนื่อยเหมือนชาติอื่นๆ เพราะมีศักยภาพที่ดีเป็นทุนเดิม เก็บชัยชนะไปถึง 14 นัด และเสมอ 3 นัด ไม่แพ้ให้กับทีมใดเลย
การกลับมาแข่งขันบนเวทีบอลโลกอีกครั้ง ด้วยการอยู่ร่วมกลุ่ม จี กับ เซอร์เบีย, แคเมอรูน และ สวิตเซอร์แลนด์ มองกันตรามตรงแล้ว แม้ชื่อชั้นของพวกเขาจะดีกว่า แต่โชคไม่ดีมาอยู่ในกลุ่มที่แข็งไม่น้อย คู่แข่งทุกทีมล้วนไม่หมู เป็นบททดดสอบการวอร์มเครื่องสำคัญ ก่อนจะเข้าสู่รอบ น็อค เอาท์ ต่อไป
ย้อนกลับไปใน เวิลด์ คัพ ครั้งก่อนปี 2018 ผลงานของ แซมบ้า เปิดตัวได้อย่างสวยงามไม่น้อย อยู่ในกลุ่ม อี ร่วมกับ เซอร์เบีย, คอสตาริกา และ สวิตเซอร์แลนด์ ที่นับว่าเจอกับของแข็งคล้ายกัน แต่กลับเก็บชัยชนะไปได้ 2 นัด และเสมอ 1 นัด เก็บไป 7 แต้ม ไม่พ่ายให้กับทีมใดเลย ทะลุเข้ารอบต่อไปแบบนิ่มๆ
พอเข้ารอบ น็อค เอาท์ 16 ทีมสุดท้าย ไปชนกับ เม็กซิโก ก็เอาชนะไปได้ 2-0 แต่พอเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ดันไปชนกับทีมแกร่งอย่าง เบลเยี่ยม ที่เคยขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งของโลก ตามการจัดอันดับกับ ฟีฟ่า แร้งค์กิ้ง ก่อนจะพ่ายไปแบบน่าเสียดาย 1-2 ตกรอบแพ็คของกลับบ้าน ทั้งที่ฟอร์มยังไปต่อได้
การกลับมาบนเวทีที่เข้มข้นที่สุดครั้งนี้ บราซิล จำเป็นต้องแก้ตัวให้แฟนบอลได้เห็นว่า พวกเขายังคงเป็นทีมชั้นนำของโลก ผ่านการเป็นแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มามากครั้งที่สุด ไม่เคยกลัวใครหน้าไหน พร้อมชนได้กับทุกทีม ด้วยคุณภาพทีมที่ไม่เตยตกลงสักยุค มีนักเตะก้าวขึ้นมารับไม้ต่อจากรุ่นพี่ แบบไม่มีทิ้งช่วง
สตาฟฟ์, นักเตะ และผู้เกี่ยวข้องต่างๆ จำเป็นต้องร่วมมือกัน เพื่อเป้าหมายในการกลับไปจุดสูงสุดอีกครั้ง ซึ่งก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น พวกเขาต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะรายการนี้อาจเป็นเวทีใหญ่ครั้งสุดท้ายของสตาร์หลายๆ คน ที่ต้องการปิดฉากกับทีมชาติให้สวยงาม มาดูกันเลยว่า ข้อมูลสำคัญต่างๆ ในเรื่องของ กุนซือ, นักเตะ และ เป้าหมายของพวกเขา จะเป็นอย่างไรกันบ้าง?
กุนซือ ทีมชาติบราซิล
การมาลุยศึกฟุตบอลโกลครั้งนี้ สมาคมฟุตบอลทีมชาติบราซิล ยังคงไว้วางใจให้กับ ติเต้ กุนซือวัย 61 ปี คุมทัพต่อไป หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ในรอบคัดเลือก ด้วยการคุมสตาร์แต่ละรายให้อยู่ในกรอบได้ แถมยังให้อิสระอยู่พอสมควรในการเล่นของแต่ละคน
ติเต้ เคยเป็นนักเตะอาชีพมาก่อนจะเริ่มงานคุมทีม แต่ผลงานของเขาไม่โดดเด่นมากนัก ค้าแข้งกับทีมระดับกลางๆ และล่างในบ้านเกิด อาทิ ปอร์ตูกีซ่า, กัวรานี่ และ เบนโต้ กอนคัลเวส เป็นต้น หลังจากเก็บประสบการต่างๆ หลังเลิกเล่นไปราว 4 ปี ก็หันเข้ารับงานผู้จัดการทีมในปี 1990
ทีมแรกที่ให้โอกาสเขา คือ การิบัลดี้ แต่อยู่กับทีมได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น ต่อมาก็วนเวียนคุมทีมอยู่ในประเทศบ้านเกิดหลายทีม วนเวียนไปเรื่อยๆ อาทิ จูเวนตูเด้, เซา เคตาโน่, โครินเธียนส์, แอตเลติโก เอ็มจี, อินเตอร์นาซิอองนาล และ พัลไมรัส เป็นต้น
พอชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จัก ก็มีทีมเงินหนาจากตะวันออกกลาง ติดต่อให้ออกไปรับงานนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อัล ไอน์ และ อัลเวด้า ก่อนที่จะกลับมาคุมทีมในประเทศอีกครั้งตั้งแต่ปี 2010 กับ โครินเธียนส์ แล้วได้รับการติดต่อให้ไปคุมทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2016 แล้วอยู่ในตำแหน่งยาวมาจนถึงทุกวันนี้
ระบบการเล่นที่ ติเต้ ชอบใช้มากที่สุด คือ 4-2-3-1 เพราะเหมาะกับตัวผู้เล่นที่มีอยู่ในมือ แล้วเป็นแทคติกส์ที่เซฟ มีตัวรับคอยตัดเกมก่อนเข้าพื้นที่อันตราย หน้า่แผงหลังถึงสองคน ช่วยให้อุดจุดบอดในส่วนของเกมรับที่หละหลวม ให้มีความสมดุลย์ขึ้นอย่างมาก ส่วนแนวรุกไม่ต้องกังวลอะไรมาก ปล่อยให้สตาร์ตัวหลักด้นสดไป ด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่เหนือชั้นอยู่แล้ว
นักเตะ ทีมชาติบราซิล
อายุเฉลี่ยของนักเตะทีมชาติบราซิลชุดนี้ อยู่ที่ราว 27.1 ปี เป็นการผสมผสานผู้เล่นแกนหลักขาประจำ เข้ากับหน้าใหม่ที่ก้าวขึ้นมาช่วยทีมช่วงหลัง แล้วยังต้องพิสูจน์ตัวเอง บนเวทีระดับชาติอีกพอสมควร แต่ดีกรีของผู้เล่นแต่ละราย ล้วนค้าแข้งอยู่กับทีมระดับท็อปทั้งสิ้น ปัจจุบันอันดับ ฟีฟ่า แร้งค์กิ้ง ของพวกเขา ก้าวขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ของโลกแล้ว ตามผลงานที่กำลังหุงขึ้นหม้อ
ตำแหน่งผู้รักษาประตู
ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพราะมีมือกาวฝีมือดีไม่ต่างกันถึงสองราย นั่นก็คือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ จากสโมสร ลิเวอร์พูล และ เอแดร์ซอน จากสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวของทั้งคู่ คือ การใช้เท้าเล่นฟุตบอล ที่รายหลังเหมือนจะเหนือกว่า แต่ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับนี้ ติเต้ อาจจะเลือก อลิสซอน ยืนเป็นมือหนึ่ง เนื่องจากมีชว์เซฟแบบปาฏิหาริย์ ให้เห็นกันแบบไม่ฟลุ๊คบ่อยครั้งกว่า
ตำแหน่งกองหลัง
หากต้องการมองหาผู้นำในแนวรับ คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่า ติอาโก้ ซิลวา ที่เก็บประสบการณ์ในการค้าแข้งมาอย่างโชคโชน แม้ว่าอายุอานามจะล่วงเลยเข้าวัย 37 ปี แต่เซนเตอร์แบ็ครายนี้ ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นกับ เชลซี ได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วเมื่อเจอกับสถานการณ์กดดัน คนที่พึ่งพาได้มากที่สุด ด้วยการอาศัยความนิ่ง คงไม่พ้นเขาคนนี้แน่นอน
ตำแหน่งกองกลาง
นักเตะที่ทาง ติเต้ ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และเพิ่มเติมมิติการเล่นเกมบุกให้กับทีมได้อย่างไหลลื่น คงหนีไม่พ้น ลูคัส ปาเกต้า ที่เป็นแกนหลักให้กับทีมตั้งแต่รอบคัดเลือก แล้วทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามการที่เขาเพิ่งจะย้ายทีม มาเริ่มต้นใหม่กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คงต้องเร่งฟอร์มอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นอาจถูกคำครหาได้ว่า มีชื่อติดทีมชาติมาเพราะเป็นเด็กเส้น
ตำแหน่งกองหน้า – ทีมชาติบราซิล
นาทีนี้ชื่อของ วินิซิอุส จูเนียร์ คงไม่ใช่ดาวเตะที่แฟนบอลแซมบ้า รู้สึกยี้ แล้วไม่อยากเห็นเขาลงสนามอีกต่อไป เพราะผลงานกับ เรอัล มาดริด นั้นชัดเจนอยู่แล้วว่า เขากลายร่างเป็นยอดดาวยิงไปเรียบร้อยแล้ว สามารถชงเองกินเองได้แบบไม่ต้องมีคนป้อน ด้วยอายุที่กำลังอยู่ในวัยห้าว กระหายเรื่องความสำเร็จ รายการนี้คงเป็นเวทีที่เขาอยากพิสูจน์ตัวเองมากที่สุดแน่นอน
สตาร์ประจำทีม
ความหวังเบอร์หนึ่งของทัพ เซเลเซา เจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่าง เนย์มาร์ ย่อมต้องเจอกับความกดดันเป็นอย่างสูงแน่นอน แต่ด้วยการผ่านสถานการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง คงไม่มีอะไรที่ทำร้ายเขาได้อีกต่อไป หากตั้งใจเล่นฟุตบอลตามความสามารถ ไม่เน้นแอ็ค เน้นเรียกฟาล์ว ด้วยการคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์ คงพาทีมไปได้ไกลแน่ๆ
เป้าหมาย

ความหวังสูงสุดของทีมชาติบราซิลครั้งนี้ คงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากตั้งเป้าเป็นแชมป์สถานเดียว เพราะความพร้อมเรื่องของนักเตะไม่ได้เป็นรองใคร การผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ถึงจะเจอกับทีมชื่อชั้นไม่ธรรมดา คงไม่ใช่เรื่องที่เขากังวลเท่าไหร่ น่าจะผ่านไปได้แบบนิ่มๆ สิ่งเดียวที่น่าห่วง คือ การไปชนกับตอในรอบ น็อค เอาท์ ถ้าครั้งนี้จบเส้นทางก่อนไปถึงรอบรองชนะเลิศ ตำแหน่งกุนซืออาจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะทำผลงานไม่ได้ตามคาดแน่ๆ
เว็บไซต์ worldcup2022qa จัดทำขึ้นมาเพื่อรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะจัดขึ้นช่วงปลายปีที่ประเทศกาตาร์ พร้อมเสิร์ฟข้อมูลที่สดใหม่ เกี่ยวกับชาติต่างๆ ทั้ง 32 ทีม ที่เข้าร่วมทำการแข่งขัน เป็นทางเลือกให้กับแฟนบอล ที่ชื่นชอบการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ที่ว่ากันว่าเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกฟุตบอล ต้อนรับกระแส เวิลด์ คัพ ฟีเวอร์ ซึ่งกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เตรียมใจลุ้นเตรียมใจเชียร์ชาติขวัญใจ ให้กำลังใจนักเตะที่คุณชื่นชอบไปพร้อมๆ กัน 4 ปีมีครั้ง ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง